การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการบริหารสำหรับผู้นำยุคใหม่The Development of Training Curriculum to Promote Managerial Competency for the Next Generation Leaders

Abstract

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและประเมินประสิทธิภาพหลักสูตรฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการบริหารสำหรับผู้นำยุคใหม่ มีขั้นตอนการวิจัย 6 ขั้นตอน คือ ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการจำเป็นในการฝึกอบรม พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรม นำหลักสูตรไปทดลอง นำไปใช้จริง ประเมินและติดตามผลภายหลังการฝึกอบรม กลุ่มเป้าหมายการวิจัย ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารระดับต้นของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยเลือกตามเกณฑ์ที่กำหนด เครื่องมือที่ใช้คือ แบบฝึกหัด แบบทดสอบ แบบประเมินผลการปฏิบัติและแบบสอบถามเพื่อติดตามผลหลักสูตร ผลการประเมินประสิทธิภาพของหลักสูตรฝึกอบรมได้ประยุกต์ใช้รูปแบบซิป (CIPP Model) ได้ผล ดังนี้ 1) การประเมินสภาพแวดล้อม พบว่า หลักสูตรฝึกอบรมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด 2) การประเมินปัจจัยเบื้องต้นได้ผลการประเมินความสอดคล้องของวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมกับหัวข้อต่าง ๆ มีค่าดัชนีความสอดคล้องกันทุกรายการ และความเหมาะสมของแบบประเมิน ผลการฝึกอบรมมีค่าความเหมาะสมในระดับมากที่สุด 3) การประเมินกระบวนการ จากการนำหลักสูตรฝึกอบรมไปใช้จริง พบว่า ผลสัมฤทธิ์การฝึกอบรมด้านทฤษฎี มีค่า E1/E2 เท่ากับ 84.58/85.67 และคะแนนผลสัมฤทธิ์ด้านปฏิบัติมีค่าร้อยละ 93.87 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ทั้งสองด้าน 4) การประเมินผลผลิตการติดตามผลการนำความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากการฝึกอบรมไปใช้จาก (กับ) ผู้บังคับบัญชาพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุด โดยสรุปสามารถนำหลักสูตรการฝึกอบรมที่พัฒนาขึ้นไปใช้ฝึกอบรมกับกลุ่มเป้าหมายอย่างได้ผล

The objectives of this research were to develop and evaluate the training courses to promote Managerial Competency for the next generation leaders. There were 6 research steps: Study the documents and related research; Study the problems and needs needed for training; Develop training courses; Try-out the course; Implement the curriculum; Evaluate and follow-up after the training. The research target group included experts and junior administrators of King Mongkut's University of Technology North Bangkok selected according to the specified criteria. The tools used were exercises, quizzes, performance assessment forms and follow up questionnaires. The evaluation of the effectiveness of the training course was conducted through CIPP Model. The research the results showed that: 1) the training course was considered suitable at the highest level regarding environmental assessment, 2) the results of preliminary assessment of the factors were in line with the behavioral objective assessment of the consistency in various topics, with the congruency index for all items, and the appropriateness of the training assessment form at the highest level of suitability. 3) The result showed that E1/E2 was 84.58/85.67 in percentage which was higher than the set criteria in both implementation of the training courses, and practical achievement scores at 93.87, higher than the set criteria. 4) Evaluation of productivity, follow-up of knowledge, skills, and experiences acquired from training courses in applying to the supervisors were found to have the highest score according to the supervisor assessment. In summary, the developed training courses can be used to train the target groups effectively.